วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

แบคทีเรียออกเป็น 19 Part โดย เนก วิดแวด13


Bergey’s Manual of Determinative Bacteriology (1974)
แบ่งแบคทีเรียออกเป็น 19 Part


Gram-positive คือ แบคทีเรียที่ยังคงติดสี crystal violet (สีน้ำเงินหรือ
สีม่วง) หลังจากการล้างด้วยแอลกอฮอล์
Gram-negative คือ แบคทีเรียที่ไม่ติดสีของcrystal violet แต่ติด
สีที่ย้อมทับ (Counter stain) ของ Safranin (สีแดง)

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แบคทีเรียออกเป็น 19 Part โดย เนก วิดแวด13

Bergey’s Manual of Determinative Bacteriology (1974)
แบ่งแบคทีเรียออกเป็น 19 Part
Gram-positive คือ แบคทีเรียที่ยังคงติดสี crystal violet (สีน้ำเงินหรือ
สีม่วง) หลังจากการล้างด้วยแอลกอฮอล์
Gram-negative คือ แบคทีเรียที่ไม่ติดสีของcrystal violet แต่ติด
สีที่ย้อมทับ (Counter stain) ของ Safranin (สีแดง)
Part 1 Phototropic Bacteria
- Cocci, rod หรือ spiral, Gram-
- Motile หรือ non-motile (polar หรือ peritrichous flagella)
- เมื่อเจริญใน broth มีสีม่วง แดง ส้ม น้ำตาล หรือเขียว (รงควัตถุ)
- สืบพันธุ์โดยการแบ่งเซลล์ตามขวาง (บางชนิดแตกหน่อ)
- Facultative anaerobic bacteria
- สังเคราะห์แสงได้ในสภาวะ anaerobic โดยใช้ Co2
ตัวอย่างเช่น
Rhodospirillum spp.

Part 2 The Gliding bacteria
- Rod shape, มีเมือกเหนียวหุ้มเซลล์, Gram -
- Motile (โดยการหมุนตัวและยืดหดตัวของเซลล์)
- Resting cell สร้าง myxospore อยู่ภายใน fruiting body ที่มีสีสด
- Chemoorganotrophic bacteria (ใชสารประกอบอินทรียเปนแหลง คารบอน), Anaerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Myxococcus spp. (ผลิตสารปฏิชีวนะที่ใช้ในการแพทย์และอุตสาหกรรม)
Part 3 The sheathed bacteria
- Rod, Gram-, อยู่เดี่ยวๆหรือเป็นสาย
- มี sheath ห่อหุ้มเซลล์ บางชนิดเป็นสารพวก manganese/iron
- Motile หรือ non - motile
- Chemoorganotrophic bacteria และ Aerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Streptothrix spp.
Sphaerotilus natans
Leptothirx spp.

Part 4 The Budding and/or Appendaged bacteria
- Rod, cocci, oval หรือ pear shape, Gram-
- Motile หรือ non - motile
- สืบพันธุ์โดยการแตกหน่อ บางชนิดอยู่รวมเป็นกลุ่มมี stalk ยื่น
ออกมาทำหน้าที่ยึดเกาะ บางชนิดมี prosthecae ยื่นออกมา
ตัวอย่างเช่น
Hyphomicrobium spp.
Blastobacter spp.

Part 5 The Spirochetes
- Spiral (spirillum or spirochete), Gram-, transverse fission
- Motile (โดยการหมุนตัวและยืดหดตัวของเซลล์)
- Chemoorganotrophic bacteria, Aerobic bacteria, Facultaive anaerobic bacteria หรือ Anaerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Treponema spp. (สาเหตุของโรคซิฟิลิส)
Leptospira interrogans (สาเหตุของโรคฉี่หนู)

Part 6 Spiral and Curved bacteria
- Spiral หรือ Curve rod (vibrioid), Gram-
- Motile (มี flagella ที่ปลายข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างของเซลล์)
- Chemoorganotrophic bacteria, Aerobic bacteria, Microaerophilic
หรือ Anaerobic bacteria
- บางชนิดสร้าง pigment สีเหลืองปนเขียว ละลายน้ำและเรืองแสงได้
ตัวอย่างเช่น
Spirillum spp.
Campylobacter spp.
Bdellovibro spp.
Helicobacter spp. (ก่อโรคในช่องท้อง)

Part 7 Gram negative aerobic rods and cocci
- Rod, Curve rod หรือ Cocci , เซลล์เดี่ยว, คู่ หรือต่อเป็นสายสั้น ๆ
- Gram- / Variable , Motile/non – Motile (Polar / Peritrichous)
- Chemoorganotrophic หรือ Facultaive Chemolitrothophic (ใชคารบอนไดออกไซดเปนแหลงคารบอน), Aerobic/ Facultaive anaerobic bacteria
- บาง sp. มี fimbriae (เส้นใย) และบาง sp. สร้าง pigment ที่เรืองแสง
ตัวอย่างเช่น
Pseudomonas spp. Xanthomonas spp. Rhizobium spp. Azotobacter spp. Methylococcus spp.
Pseudomonas เลี้ยงไดงายในหองปฏิบัติการจึงนิยมนํามาวิจัย เช่น P. aeruginosa
และทำให้เกิด Biofilm ในเนื้อสัตว์แช่เย็น ซึ่งทำให้ติดกับพื้นผิวได้ง่าย
Part 9 Gram negatvie anaerobic bacteria
- Rod หรือ Pleomorphism (รูปร่างหลากหลาย), Gram-, ไม่สร้างสปอร์
- Motile หรือ non – Motile
- Chemoorganotrophic, anaerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Bacteroides fragilis
Fusobacterium nucleatum

Part 10 Gram negative cocci and coccobacilli
- Cocci หรือ Short rod, อยู่เดี่ยวๆ, คู่ หรือต่อเป็นสายสั้น ๆ
หรือ เกาะเป็นกลุ่ม
- Gram-, ไม่สร้างสปอร์, ไม่มี flagella, บาง sp. เคลื่อนที่โดยการบิดตัว
ของเซลล์
- บาง sp. อาจสร้าง pigment
- Chemoorganotrophic และ aerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Neisseria spp.
Acinetobacter spp.

Part 11 Gram negatvie anaerobic Cocci
- Cocci / oval shape, เดี่ยว, คู่, สายสั้น ๆ หรือเกาะกันเป็นกลุ่ม
- Gram-, ไม่สร้างสปอร์, ไม่มี flagella , non – Motile
- Chemoorganotroph และ anaerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Veillonella spp.
Megasphaera spp.

Part 12 Gram negatvie Chemoorganotrophic bacteria
- Cocci , rod หรือ Spiral
- Gram-, Motile หรือ non – Motile
- อาจมี capsule หุ้มรอบเซลล์
- capsule มี iron หรือ Manganese Oxide
- ได้รับพลังงานจากการ Oxidized สารประกอบ Nitrogen หรือ Sulfur เช่น nitrite, NH4 ,hydroxylamine, Sulfide, Sulfite และ thiosulfate, Chemolithotrophic, aerobic หรือ Facultaive anaerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Nitrobacter spp. Nitrosomonas spp.
Nitrosococcus spp. Thiobacterium spp.
Part 13 Methane – producing bacteria
- Cocci หรือ rod, Gram- หรือ Gram variable , ไม่สร้างสปอร์
- Motile / non – Motile
- Chemolithotrophic, anaerobic bacteria
- รับพลังงานโดยใช้ Hydrogen หรือ organic compound
เป็นตัวให้ electron เพื่อ reduced คาร์บอนไดออกไซด์เป็นมีเทน
ตัวอย่างเช่น
Methanobacterium spp.
Methanococcus spp.
Methanosarcina spp.

Part 14 Gram positive cocci
- Cocci / Oval shape, เป็นคู่, สายสั้น ๆ หรือเกาะเป็นกลุ่ม
- Tetracocci หรือ Cuboidal arrangement
- Gram+, ไม่สร้างสปอร์, non – motile ยกเว้น Planococcous sp.
- Chemoorganotrophic หรือ Facultaive anaerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Micrococcus spp. Staphylococcus spp.
Streptococcus spp. Leuconostoc spp.
Peptococcus spp. Sarcina spp.

พบในชองปากผิวหนัง อวัยวะภายใน และทางเดินหายใจ ทําใหเกิดฝ แผลหนอง การติดเชื้อหลังผาตัด อาหารเปนพิษในคน สัตว์

Part 15 Endospore – forming rods and cocci
- rod shape ยกเว้น Genus Sporosarcina (cocci)
- เซลล์เดี่ยว, เป็นคู่, สายสั้นๆ
- เกาะกันเป็นกลุ่มแบบ Tetracocci หรือ Cuboidal
- Gram-, สร้างสปอร์, Motile/non – Motile
- Chemoorganotrophic, Facultaive anaerobic, Aerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น
Bacillus spp. (B. subtilis ถูกนํามาใชเปน model organism ในการวิจัย)
Clostridium spp.

Part 17 Actinomycetes and Related Organisms
- Cocci, rod, curved rod
- Gram+ (เมื่อมีอายุมากจะเป็น Gram-)
- Motile หรือ non – Motile
- Chemoorganotrophic, Aerobic, Facultaive anaerobic bacteria
- Order Actinomycetales จะมีการแตกกิ่งก้านสาขาคล้าย hypha ของรา
ซึ่งต่อมาเส้นใยจะขาดออกเป็นท่อนหรือ Cocci บาง Genus สืบพันธุ์โดยการ
สร้างสปอร์ขึ้นบนเส้นใยเฉพาะสำหรับสร้างสปอร์
ตัวอย่างเช่น
Corynebacterium spp. Propionbacterium spp. Actinomyces spp.
Mycobacterium spp. Nocardia spp. Streptomyces spp.
Microbispora spp.

Streptomyces ใช้ผลิตสารปฏิชีวนะมากมายซึ่งนํามาใชทางการแพทยเชน Streptomycin Neomycin และ Chloramphenicol
Part 18 The Rickettsias and Clalamydias
- Obligate parasite , Gram- , non – Motile, Rod/Cocci
- เลี้ยงบนอาหารเลี้ยงเชื้อไม่ได้ ต้องเลี้ยงในสัตว์ทดลอง (host)
ตัวอย่างเช่น Rickettsia spp., Coxiella spp. และ Chlamydia spp
Rickettsia rickettsii in endothelial
cells of a blood vessel ติดต่อสู่
คนผ่านหมัด เห็บ เหาต่างๆ ทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่หรือไข้ไทฟัส

Part 19 The Mycoplasmas
- ไม่มีผนังเซลล์ มีลักษณะบอบบาง
- เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ง่ายและมีรูปร่างได้หลายแบบ (Pleomorphic) ตามแรงกดดัน
- มีความต้านต้านต่อ Penicillin
-Gram-, non – motile , สืบพันธุ์โดยการขาดของแขนงเส้นสาย
-เมื่อเพาะเลี้ยงบนอาหารเลี้ยงเชื้อ Colony มีลักษณะคล้ายไข่ดาว
- Chemoorganotrophic และ Facultative anaerobic bacteria
ตัวอย่างเช่น Mycoplasma spp.
Ureaplasma spp.
Termoplasma spp.

จุลชีวะ วิดแวด13

อนุกรมวิธาน (Taxonomy)
1.การจัดจำแนกเป็นหมวดหมู่ (Classification)
2.การตรวจสอบหาชื่อวิทยาศาสตร์ (Identification)
3.การกำหนดชื่อวิทยาศาสตร์ (Nomenclature)
กฎในการตั้งชื่อแบคทีเรีย
ระบบไบโนเมียล (binomai system)
(เป็นภาษาละติน)
(ประกอบด้วยสองส่วน)
Staphylococcus aureus
Staphylococcus aureus
Staphylococcus aureus
1. genus
2. specific name
วิธีการเขียนอ้างถึงชื่อวิทยาศาสตร์
Staphylococcus aureus
Staphylococcus sp.
เขียนโดยไม่ระบุชื่อชนิด
S. aureus เขียนชื่อเดิมครั้งที่สองขึ้นไป
Staphylococcus spp ระบุถึงสกุลนี้ 2 ชนิดขึ้นไป
1. รูปร่างของโคโลนี (Form
•Pungiform: ขนาดเล็ก มองเห็นด้วยตาเปล่า เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 มม.
• Circular: รูปร่างกลม
• Irregular: รูปร่างไม่แน่นอน
• Filamentous: ลักษณะคล้ายเส้นใยของรา
• Rhizoid: เป็นเส้นหยาบกว่าพวก Filamentous คล้ายราก
2. ระดับความนูนของโคโลนี (Elavation
•Effuse: เป็นแผ่นบาง
• Flat: เจริญดีกว่า effuse แต่แบนราบไปตามผิวหน้าของอาหาร
• Raised: ค่อนข้างหนา ส่วนบนเรียบ ด้านริมจะทำมุมกับผิววุ้น
• Convex: รูปกลมและนูน โค้งสูงจากผิวหน้าของอาหารไม่มากนัก
• Pulvinate: โคโลนีรูปกลมนูนโค้งจากผิวหน้าของอาหารมากกว่า convex
3. ลักษณะผิวหน้าของโคโลนี (Surface
•Smooth: เรียบ
• Rough: ขรุขระ
• Concentrically ringed: เป็นวงแหวนซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น
• Contoured: ผิวหน้าเกลี้ยงแต่เป็นรูปคลื่น
• Rugose: ผิวหน้าเป็นรอยย่น
4. ริมหรือขอบโคโลนี (Edge
•Entire: ขอบเกลี้ยงไม่มีรอยเว้า
• Undulate: ขอบเป็นคลื่น โค้งหรือเว้าเพียงเล็กน้อย
• Lobate: ขอบเป็นคลื่นที่เว้าแหว่งมาก
• Erose: ขอบหยักเป็นฟันที่ไม่สม่ำเสมอ (ถี่กว่า Lobate)
• Filamentous: ขอบเป็นเส้น ๆ แบบเส้นใยของรา

5. ลักษณะเกี่ยวกับแสง (Optical Character)
• Opaque: ทึบ
• Translucent: โปร่งแสงเล็กน้อยคล้ายกระจกฝ้า
• Iridescent: สะท้อนแสงเป็นสีเคลือบคล้ายสีรุ้ง
• Dull: สีขุ่นไม่ขึ้นเงา
• Photogenic: เรืองแสง

ลักษณะการเจริญของแบคทีเรียในอาหารเลี้ยงเชื้อ
1. อาหารแข็ง (Agar media) ลักษณะการเจริญของเชื้อตรงผิวหน้าของอาหารแข็ง
1.1 Filiform: การเจริญสม่ำเสมอตามแนวที่ขีดเชื้อ
1.2 Beaded: โคโลนีขึ้นอย่างกระจัดกระจายตามแนวที่ขีดเชื้อ
1.3 Spreading: โคโลนีเจริญแผ่ออกไปตามแนวที่ขีดเชื้อมากกว่า Filiform
1.4 Arborescent: โคโลนีเจริญแตกกิ่งก้านสาขาคล้ายต้นไม้
1.5 Rhizoid: โคโลนีเจริญแตกแขนงคล้ายราก
1.6 Echinulate: โคโลนีเจริญตามแนวที่ขีดเชื้อ โดยมีรอยหยักที่ริมมีลักษณะคล้าย
ฟันเลื่อย

2. อาหารเหลว (Broth medium) ศึกษาลักษณะความขุ่นที่เกิดขึ้นในอาหารเลี้ยงเชื้อ
2.1 การเจริญที่ผิวหน้า (Surface growth)
- Ring: เจริญเป็นวงรอบติดที่หลอดแก้ว
- Pellicle: เป็นแผ่นลอยอยู่ที่บนผิวของอาหาร
- Flocculant: เป็นก้อนลอยอยู่ที่ผิวของอาหาร
- Membranous: เป็นฝ้าบางๆลอยที่ผิวของอาหาร
2.2 การเจริญตะกอนที่ก้นหลอด (Sedimentation)
- Compact: ตะกอนติดกันเหนียวแน่นเป็นก้อน
- Flocculant: เป็นก้อนลอยอยู่ในอาหารไม่ตกตะกอน
- Granular: ตะกอนที่เป็นก้อนขนาดต่างๆ
- Flaky: ตะกอนที่เป็นก้อนเล็กๆ เมื่อเขย่าจะฟุ้งกระจาย - Viscid: ตะกอนเละที่ก้นหลอด เมื่อเขย่าจะลอยเป็นสายเมือก
ลักษณะความขุ่นที่เกิดขึ้นในอาหารเลี้ยงเชื้อ
ลักษณะการดำรงชีวิตตามแหล่งพลังงานของแบคทีเรีย

. Phototrophic bacteria
เป็นแบคทีเรียที่สามารถนำพลังงานแสงสว่างจากดวงอาทิตย์มาใช้สร้างอาหารได้ แบคทีเรียเหล่านี้มีคลอโรฟิลล์ชนิดพิเศษ เรียก bacteriochlorophyll แบ่งได้เป็น 2 พวกตามแหล่งของคาร์บอน คือ Photolithotrophic bacteria และ Photoorganotrophic bacteria
Photolithotrophic bacteria
เป็นแบคทีเรียที่ใช้คาร์บอนไดออกไซด์เป็นแหล่งของคาร์บอนและใช้พลังงานจากแสงแดดมาทำให้โมเลกุลของไฮโดรเจนซัลไฟต์ (H2S) ภายในเซลแตกตัวเป็นไฮโดรเจนและกำมะถัน ซึ่งไฮโดรเจนที่ได้นี้จะรวมกับคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสารประกอบอินทรีย์พวกคาร์โบไฮเดรตและกำมะถันเป็นผลพลอยได้

Photoorganotrophic bacteria
เป็นแบคทีเรียที่ใช้พลังงานจากแสงแดดมาทำให้โมเลกุลของสารประกอบอินทรีย์แตกตัวให้ไฮโดรเจน และไฮโดรเจนที่ได้นี้ไปรวมกับคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสารประกอบพวกคาร์โบไฮเดรตและได้สารอินทรีย์หลายชนิดเป็นผลพลอยได้

2. Chemotrophic bacteria
เป็นแบคทีเรียที่สามารถนำพลังงานจากการ oxidation ของสารต่าง ๆ ไปใช้สร้างอาหารชนิดใหม่ขึ้นได้ มี 2 ชนิด คือ

Chemolithotrophic bacteria
เป็นแบคทีเรียที่ใช้คาร์บอนไดออกไซด์เป็นแหล่งของคาร์บอน แบคทีเรียเหล่านี้เมื่อได้รับอนินทรีย์สารเข้าสู่เซลล์ อนินทรียสารจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนภายในเซลได้พลังงานออกมา พลังงานนี้นำไปใช้ทำให้โมเลกุลของน้ำแตกตัวเป็นไฮโดนเจนและออกซิเจนที่ได้นี้จะไปรวมกับคาร์บอนไดออกไซด์เกิดเป็นอินทรียสารพวกคาร์โบไฮเดรต
Chemoorganotrophic bacteria
เป็นแบคทีเรียที่ใช้สารประกอบอินทรีย์เป็นแหล่งของคาร์บอน สารอินทรีย์เหล่านี้จะถูกนำไปย่อยสลายให้พลังงานแล้วนำพลังงานที่ได้มาใช้ในการสร้างอาหารใหม่ พบในพวก symbiotic bacteria และ saprophytic bacteria เป็นต้น